ภูเก็ต เผย ผลตรวจผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยฝีดาษลิง จำนวนที่ 19 คน ที่ใกล้ชิดกับชายไนจีเรีย ทั้งหมดออกมาเป็นลบ สั่งตามอาการใกล้ชิด นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล สสจ.ภูเก็ต ได้กล่าวถึง ผลตรวจผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยฝีดาษลิง 19 ราย ที่สัมผัสใกล้ชิดกับชายไนจีเรียวัย 27 ปี ที่ถูกพบว่าป่วยเป็นฝีดาษลิง เมื่อช่วงวันที่ 19 กรกฎาคม ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้นั้น
เบื้องต้นผลตรวจจากห้องปฏิบัติการออกมาเป็นลบทั้ง 19 ราย
และได้มีการติดตามอาการใกล้ชิดทุกๆ 7 วัน 14 วัน จนถึงครบ 21 วัน และเมื่อครบ 21 วัน ก็จะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อให้ทางห้องปฏิบัติการตรวจสอบอีกครั้ง
นพ.กู้ศักดิ์ ขอความร่วมมือประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากโรคฝีดาษลิงติดต่อกันได้ยากกว่าโรคโควิด 19 ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดโดยตรงกับผู้ที่มีอาการโรคฝีดาษลิง ซึ่งมีตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนองที่ผิวหนังตามตัว รวมทั้งการสัมผัสเมื่อมีเพศสัมพันธ์ การป้องกันฝีดาษวานรทำได้โดยสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้บ่อย เลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และปาก ระวังสัตว์กัดหรือข่วน ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยฝีดาษลิง
ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแนวทางเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยยกระดับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรมควบคุมโรค เป็นระดับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สามารถสั่งการเฝ้าระวังมีความครอบคลุมทั่วประเทศ
สำหรับข้อมูลวัคซีนโรคฝีดาษคนที่องค์การเภสัชกรรมได้เก็บรักษาไว้ตามมาตรฐานเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้นำมาทดสอบพบว่ายังมีคุณภาพดี หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้ได้ ส่วนด้านการรักษาพยาบาล โรคนี้ไม่มียารักษาเฉพาะ จึงใช้การรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะหายได้เอง ซึ่งสถานพยาบาลทุกแห่งสามารถให้การดูแลได้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องความดันลบ
และเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ ทั้งด้านการเฝ้าระวังโรค การป้องกันและการดูแลรักษา ได้มีการสั่งการให้ด่านควบคุมโรคทั่วประเทศประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิ่มความระมัดระวังบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษและโรงพยาบาล คลินิกเอกชนเฝ้าระวัง ผู้ที่มีไข้ผื่นแดง ตุ่มใส ตุ่มหนอง เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรอย่างเข้มข้น
ดร.อนันต์ เผย ถุงยางอนามัย ป้องกัน ฝีดาษลิง ไม่ได้
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา เผย ถุงยางอนามัย ไม่สามารถป้องกัน ฝีดาษลิง แนะไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกับ HIV เพราะ การแพร่เชื้อใช้วิธีต่างกัน
วันที่ 24 ก.ค. 2565 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผอ.วิจัยกลุ่มนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ไบโอเทค สวทช. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ‘ไม่แนะนำให้นำ HIV กับ ฝีดาษลิง มาเทียบกัน เพราะการแพร่ใช้วิธีต่างกัน เช่น ถุงยางอนามัยป้องกัน HIV ได้ แต่กันฝีดาษลิงไม่ได้’
ฝีดาษลิงมาจากไหนเอาจริงๆยังไม่มีใครทราบนะครับ แต่พบครั้งแรกตั้งแต่ปี คศ. 1958 ในลิงที่สถาบันวิจัย Statens Serum Institut ในประเทศเดนมาร์ก ที่ขนลิงผ่านเครื่องบินจำนวน 150 ตัว มาจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อวัตถุประสงค์การศึกษาวัคซีนโปลิโอ โดยหลังจากที่ลิงที่อยู่ที่เดนมาร์กประมาณ 51 วัน เริ่มเห็นกลุ่มคลัสเตอร์แรกมีอาการตุ่มขึ้นที่ผิวหนัง หลังจากนั้น อีก 10 วัน ก็พบลิงอีกคลัสเตอร์นึงมีอาการออกมาคล้ายๆกัน ซึ่งเชื่อว่าการติดเชื้อไม่ได้เกิดขึ้นจากต้นทาง แต่เป็นการแพร่เชื้อจากสัตว์อื่นที่อยู่ที่สถาบันในเดนมาร์กนั้นเอง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าเชื้อมาจากไหนกันแน่
ลิงที่พบว่าติดเชื้อมีเพียง 20-30% เท่านั้นที่ออกอาการ คือ มีอาการตุ่มออกที่ผิวหนัง และ อาการไม่รุนแรง ไม่มีลิงป่วยตาย และ หายจากอาการป่วยภายใน 4 สัปดาห์ ที่น่าสนใจคือ นักวิจัยสมัยนั้นแยกเชื้อไวรัสฝีดาษลิงโดยการฉีดเชื้อจากตุ่มแผลของลิง เข้าไปในไข่ไก่ฟัก และ พบว่า ไวรัสสามารถติดเชื้อและเพิ่มปริมาณในไข่ไก่ฟักได้ (จากภาพเป็นเซลล์ของเนื้อเยื่อตัวอ่อนไก่ในไข่ฟัก) และ นำไวรัสไปเพิ่มปริมาณต่อในเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ รวมถึงเซลล์มนุษย์ด้วย พอได้ไวรัสที่มากเพียงพอก็นำไปเปรียบเทียบกับไวรัสกลุ่ม Vaccinia หรือ ฝีดาษที่เกิดขึ้นในสัตว์อื่นเช่น วัว หรือ ม้า และ พบว่าไวรัสดังกล่าว สามารถถูกจับได้ด้วยแอนติบอดีต่อ poxvirus เช่นเดียวกัน ใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะได้ภาพที่ถ่ายเห็นอนุภาคของไวรัสที่ชัดเจน
เมื่อ 64 ปีก่อน เรายังไม่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าอย่าง Whole genome sequencing ที่ถอดรหัสไวรัสได้อย่างรวดเร็วเหมือนวันนี้ แต่เห็นความพยายามในการไขรหัสจากธรรมชาติแล้วรู้สึกว่า เป็นอะไรที่น่าทึ่งครับ… จากประวัตินี้เรียกฝีดาษลิง คงต้องใส่ดอกจันว่า ให้เครดิตเพราะลิงเป็นตัวให้เชื้อกับมนุษย์ในการศึกษาวิจัย ไม่ใช่ต้นกำเนิดของไวรัสในธรรมชาติ
สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง